5 เทคนิค ซื้อประกันรถยนต์ให้ได้เบี้ยประกันคุ้มค่าสูงสุด
ประกันรถยนต์ จำเป็นมากสำหรับผู้ใช้รถยนต์ถึงแม้ว่าจะมี พ.ร.บ. อยู่แล้วก็ตาม เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ความคุ้มครองของประกันรถยนต์จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้มากกว่า พร้อมความคุ้มครองที่มากกว่า อย่างไรก็ตามเบี้ยประกันรถยนต์ที่ต้องจ่ายในแต่ละปีไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งถ้าต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมอย่างประกันรถชั้น 1 ด้วยแล้ว การจ่ายเบี้ยประกันรถในแต่ละปี ถือว่าสูงอยู่พอสมควร เรามีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ให้คุณซื้อประกันรถได้เบี้ยที่คุ้มค่ากว่า ลดภาระค่าใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจในปัจจุบัน
1. เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ หรือ เปรียบเทียบเบี้ยประกันของแต่ละบริษัท
แผนประกันรถยนต์ที่มีอยู่หลากหลายในตลาด มักจะมีข้อเสนอและเงื่อนไขที่น่าสนใจให้กับลูกค้าเพื่อจูงใจในการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นเทคนิคในการซื้อประกันรถยนต์ หรือ ต่ออายุกรมธรรม์ ลองหาข้อมูลจากหลาย ๆ แผนประกันดูก่อน และพิจารณาเปรียบเทียบ จากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น เบี้ยประกันภัย ความคุ้มครอง ทุนประกัน พร้อมทั้งเงื่อนไข อื่น ๆ เช่น มีค่าเสียหายส่วนแรกด้วยหรือไม่ เท่าไหร่และเบี้ยลดลงเท่าไหร่เปรียบเทียบแผนประกันภัยรถยนต์ให้ครบทุกเงื่อนไข และสรุปเลือกประกันรถที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การขับขี่ของตนเองมากที่สุด
2. ทำประกันรถแบบระบุผู้ขับขี่
เทคนิคในการซื้อประกันรถยนต์ให้ได้เบี้ยประกันที่คุ้มค่าที่สุดคือเลือกทำประกันรถยนต์แบบระบุผู้ขับขี่ที่ปัจจุบันช่วยให้ได้ส่วนลดเบี้ยประกันมากถึง 20% ส่วนลดแบ่งตามอายุของชื่อผู้ที่ถูกระบุเอาไว้ 4 กลุ่มดังนี้
- อายุ 18 - 24 ปี รับส่วนลด 5%
- อายุ 25 - 35 ปี รับส่วนลด 10%
- อายุ 36 - 50 ปี รับส่วนลด 20%
- อายุ 50 ปีขึ้นไป รับส่วนลด 15%
ประกันจะคุ้มครองเฉพาะผู้ขับขี่ที่ระบุชื่อเท่านั้น การระบุชื่อผู้ขับขี่สามารถระบุได้สูงสุด 2 ชื่อ และ ต้องเป็นรถยนต์ใช้ส่วนตัวเท่านั้นแตกต่างกับการไม่ระบุผู้ขับขี่ ใครก็ตามที่ขับขี่รถและเกิดอุบัติเหตุ ประกันก็จะให้ความคุ้มครอง แต่เนื่องจากการไม่ระบุผู้ขับขี่ มีผู้ขับหลายคนใช่ร่วมกันทำให้ความเสี่ยงมากกว่า เบี้ยประกันจึงสูงกว่า
3. เลือกแผนที่มีความเสียหายส่วนแรก (Deductible)
ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) คือ เงินที่ผู้เอาประกันรถยนต์ สมัครใจจ่ายเองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และผู้เอาประกันเป็นฝ่ายโดยได้ตกลงกับบริษัทประกันไว้ตั้งแต่แรกก่อนทำประกันรถยนต์ เมื่อผู้เอาประกันรับความเสี่ยงไว้แล้วบางส่วน บริษัทประกันก็สามารถลดเบี้ยประกันลงได้ การจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก เช่น ค่าเสียหายส่วนแรกที่ตกลงไว้ 3,000 บาท กรณีค่าเสียหายที่เกิดขึ้น 10,000 บาท ผู้เอาประกันจ่าย 3,000 บาท บริษัทประกันจ่าย 7,000 บาท เหมาะกับผู้ที่มั่นใจ มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการขับขี่รถยนต์ หรือ ไม่ค่อยได้ใช้รถก็เลือก แผนประกันภัยรถยนต์ที่มีความเสียหายส่วนแรกเพื่อช่วยลดค่าเบี้ยประกันภัยได้
4. มีประวัติการขับขี่ดี
เมื่อผู้เอาประกันรถยนต์ไม่เคยมีการเคลม เคลมไม่บ่อย หรือ มีประวัติเคลมแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด บริษัทประกันมองว่าเป็นผู้ขับรถที่ดี และจะมีข้อเสนอส่วนลดเบี้ยประกันรถในปีต่ออายุกรมธรรม์ ซึ่งส่วนนี้ช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้สูงสุดถึง 50% ส่วนลดเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการต่อประกันดังนี้
- ประวัติดีปี ได้รับส่วนลด 20% ในปีต่ออายุ
- ประวัติดีติดต่อกันในปีที่สอง ได้รับส่วนลด 30%
- ประวัติดีต่อเนื่องในปีที่ สาม ได้รับส่วนลด 40%
- หากมีประวัติดีติดต่อกัน 4 ปีขึ้นไป ได้รับส่วนลดสูงสุด 50%
ดังนั้นผู้ที่ขับขี่ควรมีความระมัดระวังในการใช้รถ ใช้ถนนเพื่อให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด หรือไม่เกิดเลย เมื่อมีประวัติการเคลมน้อย หรือไม่มีเลยบริษัทประกันก็จะพิจารณาให้ได้ส่วนลดเบี้ยประกันรถในปีต่ออายุอย่างแน่นอน
5. ส่วนลดติดกล้องหน้ารถ
ปัจจุบันทุกบริษัทจะมีส่วนลดสำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด 5 - 10% ของเบี้ยประกันภัยสุทธิตามที่กรรมการกำกับ และส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ (คปภ.) ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาตัวกล้องต้องสามารถบันทึกภาพและนำไฟล์ไปใช้งานได้ สำหรับ ช่วยบริษัทประกัน รวมถึง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถการตรวจสอบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเมิน ความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการเคลมได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้นเทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้ช่วยให้การซื้อประกันรถยนต์ครั้งต่อ ๆ ไปประหยัดคุ้มค่า สบายกระเป๋าได้ทุก ๆ ปี
สรุป
อย่างไรก็ตาม เทคนิคซื้อประกันรถยนต์ คุณสามารถเช็คและเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากหลายบริษัท รวมถึงพิจารณาเงื่อนไขและคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ระบุชื่อผู้ขับขี่เพื่อได้ส่วนลดเบี้ยประกัน ระบุค่าเสียหายส่วนแรกเพื่อลดค่าเบี้ยประกัน รักษาประวัติการขับขี่ดีเพื่อได้ส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุด และติดตั้งกล้องวงจรปิดบนรถเพื่อได้ส่วนลดเบี้ยประกันรถยนต์ เทคนิคการซื้อประกันรถยนต์ควรพิจารณาเปรียบเทียบถึงความคุ้มค่าจากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่เฉพาะค่า เบี้ยประกันเท่านั้น เพื่อให้ได้ประกันรถที่ประหยัดสูงสุด ในขณะที่ยังคงได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุด
หมายเหตุ: กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว